สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ ก่อนสงกรานต์นี้ก็แอบหนีไปเที่ยวชมซากุระที่ญี่ปุ่นมาค่ะ โชคดีที่ดอกซากุระยังบานอยู่ค่ะ สวยมากเลยแต่ก็แอบคิดในใจไม่ได้ว่า บ้านเราก็มีดอกไม้สวยๆเยอะถ้าปลูกมากๆติดๆกันก็คงงามไม่แพ้กันหรอกนะคะ เพียงแต่บ้านเราอากาศร้อนไปหน่อยเท่านั้นเองค่ะ
เดือนเมษายนญี่ปุ่นอากาศยังเย็นอยู่นะคะ ฝนก็ตกด้วยค่ะ แต่ก็ไม่ถึงกับหนาวเหน็บมากค่ะ กำลังดี

ไปถึงสนามบินนาริตะตอนประมาณเจ็ดโมงครึ่งโดยสายการบินแห่งชาติบ้านเราค่ะ แต่ไปเสียเวลาตรวจคนเข้าเมืองอยู่สองชั่วโมง คิวยาวมากเดินวนไปมาเป็นเขาวงกต จนได้แซวกันกับเพื่อนๆว่าเจอกันอีกแล้ว อยู่ที่ทำงานยังไม่ได้เจอกันขนาดนี้เลย อิอิ

ตอนจะผ่านการตรวจเขาก็มีวีดีโอให้ดูว่าอาจจะมีการสัมภาษณ์บ้างแล้วก็พิมพ์ลายนิ้วชี้ทั้งสองข้างแล้วก็ถ่ายรูปไว้ด้วย พอเดินไปถึงจริงๆก็ทำแค่พิมพ์ลายนิ้วชี้กับถ่ายรูปค่ะ ไม่มีสัมภาษณ์ค่ะ ขั้นตอนทุกอย่างขึ้นหน้าจอเป็นภาษาไทย เดินวนไปมาตั้งสองชั่วโมง แต่ใช้เวลาตรงนี้ประมาณสองนาทีก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ

สถานที่แรกที่เราไปเยือนคือวัดอาซากูซ่าค่ะ  ไปนมัสการเจ้าแม่กวนอิมอันศักดิ์สิทธิ์ที่วัดอาซากูซ่า แคนน่อน ซึ่งคำว่า แคนน่อน แปลว่า พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือเจ้าแม่กวนอิม    เป็นวัดในศาสนาพุทธนิกายมหายาน    สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.1188 หรือกว่า 1,400 ปีมาแล้ว 

ถือว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดวัดหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ชมประตูโทริ และโคมไฟยักษ์ สัญลักษณ์แบบหนึ่งของญี่ปุ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยความสูง 4.5 เมตรแขวนห้อยอยู่ตรงประตูทางเข้าด้านหน้าสุดของวัด

ไกด์เล่าให้ฟังว่าวิถีชีวิตคนญี่ปุ่นนั้นเกี่ยวข้องกับ 3 ศาสนานะคะ คือตอนแรกเกิดนั้นทำพิธีตามหลักศาสนาชินโต  ตอนแต่งงานทำพิธีแบบคริสต์  แล้วตอนตายก็ประกอบพิธีแบบพุทธศาสนาค่ะ ดิฉันเดาเอาว่าตอนเกิดนั้นทำพิธีแบบชินโต เป็นความเชื่อดั้งเดิม

ส่วนแต่งงานแบบคริสต์ก็เพราะสะดวกเรียบง่าย ชุดสวย คริคริ  ตอนตายก็ทำพิธีแบบพุทธเพราะประเทศญี่ปุ่นมีพื้นที่น้อยก็ใช้วิธีเผาศพแล้วลอยอังคารไปเลยค่ะ ไม่ต้องฝังเพราะต้องใช้พื้นที่มากมั้งคะ

วัดที่ญี่ปุ่นจะมีเครื่องลางของขลังจำหน่ายมากมายหลายแบบเลยนะคะ ไกด์บอกว่าคนญี่ปุ่นจะทำบุญด้วยเหรียญ5เยน ค่ะใส่ไปในตู้รับบริจาค ไม่ค่อยมีใครใส่มากกว่านี้ ทั้งๆที่ 5เยนนั้นซื้ออะไรไม่ได้เลยนะคะ ข้างของแพงมาก น้ำดื่มขวดนึงแบบกดตามตู้ก็120เยนแล้วค่ะ ทำให้ทางวัดได้เงินมาบำรุงน้อยมากก็เลยต้องขายเครื่องลาง มีสารพัดชนิดเลยค่ะ

มีทั้งแบบต้องการให้สอบผ่านก็มี ให้โชคดีในความรัก  โชคดีในการงาน มีโชคทางการเงินก็มี  สุขภาพดี ก็มี ขับรถปลอดภัย สารพัดจริงๆค่ะ แล้วที่แปลกอีกอย่างคือเครื่องลางนี้มีวันหมดอายุนะคะ อย่างเช่นบูชามาเมื่อวันที่7เมษายน2008 จะหมดอายุวันที่7 เมษายน 2009 บ้านเราน่ะบูชาแล้วก็เก็บไว้ชั่วลูกชั่วหลานกันเลยนะคะ ยิ่งเก่ายิ่งขลัง

แต่ที่ญี่ปุ่นนี่ยิ่งเก่ายิ่งไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้วต้องไปบูชาใหม่ค่ะ น่าจะเป็นอุบายของวัดให้มีการมาบูชาบ่อยๆค่ะ ไม่งั้นชาวบ้านทำบุญกันแค่5เยนก็ไม่พอบำรุงวัดแน่ๆค่ะ

ใกล้ๆวัดอาซากูซ่านี้มีร้านค้ามากมายค่ะ เลือกซื้อกันได้เต็มที่เลยค่ะ มีทุกชนิดแต่ถ้าคิดเป็นเงินไทยแล้วซื้อไม่ลงสักอย่างเลย แพงจัง

  อาหารกลางวันเราไปรับประทานกันแบบญี่ปุ่นค่ะ รสชาติก็จืดสนิท อาหารเกาหลีมีรสมีชาติกว่าเยอะเลยค่ะ เสร็จจากอาหารกลางวันแล้วจะพาไปชมดอกซากุระที่สวนสาธารณะอุเอโน นะคะ พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ