*/
<< | พฤษภาคม 2012 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
จากเรณู..สู่คำม่วน..ระหว่างทางเจอของยักษ์!..บักสะเลเต
ย่ำรุ่ง ..ก่อนตี 5 ของวันที่ 14 เม.ย. 55..วันนี้พวกเราตื่นก่อนที่ไก่ข้างบ้านจะโห่..แล้วพากันเดินดุ่มๆ
ไร้ซุ่มเสียงในความมืด นอกจากแสงไฟนีออนที่ส่องตามท้องถนน..บ้านทุกหลังยังมืดคล้ายหลับอยู่..หมาบนถนนบางตัวผงกหัวขึ้นมองเราแล้วหลับต่อ...เราแอบอำลาเรณูนครอย่างอาวรณ์ก่อนที่ทุกคนจะตื่น..จากบ้านพักครูปุ๊กโฮมสเตย์ไปขึ้นรถบัสคันเดิมที่เรามา
ณ สำนักงานท่องเที่ยว..จุดรวมพล รีบขนสัมภาระไม่รอช้า ได้เวลา ตี 5 ล้อหมุน..พี่มะอึกให้ฉันเดินวุ่นแจกข้าวเหนียวหมูเค็ม
จัดเต็มตามด้วยน้ำให้กำหนันแจก ... เราเดินทางออกจากเรณูนคร..สู่..ตัวจังหวัดนครพนม ถึงริมฝั่งโขงยามฟ้าสาง..จอดรถลงเรือที่ท่าเรือ
ข้ามแม่น้ำโขงที่ไหลคดไหลโค้งมาจากจีน..ไปยังท่าแขก แขวงคำม่วน ของประเทศลาว แมงชีปะขาว..โพลนราวกลีบดอกแก้วร่วง..แต่กลิ่นคาว ปีกแมลงชีปะขาว อาจเข้าปากเข้าจมูก ชาวนครพนมต้องใช้ผ้าปิดปาก ก่อนลงเรือ แพทย์หญิงพันทิวา..เทพธิดาดอย..กับ..เทพธิดาโอเค..นิ ลงเรือที่ท่าฝั่งไทย..โปรดสังเกตบันไดปูพรม..ด้วยปีก..ชีปะขาว ระวังอย่าให้เข้าตา จมูก ปาก..อาจแพ้ได้ บางคนบอกว่าหากแมลงชีปะขาวบินขึ้นมาจากแม่น้ำโขงเยอะๆ บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์..จริงหรือไม่คะ บนเรือ..บล็อกเกอร์ คนดีมีวินัย..นั่งสบายใจเฉิบ มิตรใหม่..อาจารย์เจริญ จาก จ. พิษณุโลกมาร่วมเที่ยวกับเราชาวโอเค..มองเห็นฝั่งไทย ทิวทัศน์ที่ไทยว่างดงามนักหนา ถึงฝั่ง..ท่าแขก..แขวงคำม่วน ของลาว หน้าตาไทยๆ แบบนี้ พี่ชาย..น้องสาว คู่นี้.. พอกัน เมื่อถึงฝั่งลาว เรารอสักครู่..รถทัวร์สีส้มสัญชาติลาวสองคันมาจอด
พวกเราขึ้นรถ..เอ๊ะ..หาประตูรถไม่เจอ..อ้อ..ประตูอยู่ด้านขวา เด้อค่ะ..ไม่เหมือนรถไทย ประตูอยู่ซ้าย
เพราะเราขับชิดซ้าย..ลาวขับชิดขวา ภาพผู้หญิงนุ่งซิ่นที่ยืนข้างรถ (ด้านขวาสุด)..คือ ไกด์ประจำรถของเรา..นางนิค.. บนรถทัวร์ลาวคันที่ฉันนั่ง มีเพื่อนๆ
ชาวโอเคส่วนหนึ่งกับทีมนักข่าวอีกกลุ่มที่ไปด้วยกัน ส่วนเพื่อนชาวโอเคหลายคนไปนั่งรถอีกคัน
ทั้งสองคันต่างมีไกด์บรรยาย (จากที่เห็นเพื่อนบล็อกเกอร์แต่ละคนกลับมาเขียนเล่า..พออนุมานได้ว่า..ไกด์ของแต่ละคันจะมีสไตล์การบรรยายออกรสชาติแตกต่างกัน..อีกคันที่บล็อกเกอร์เฟิงสุ่ยนั่งจะเต็มไปด้วยเนื้อหาสาระ
ฮิๆ..ไกด์อาวุโส) ส่วนรถฉันมีไกด์สาวลาว หน้าตาน่ารัก
นุ่งผ้าถุงดูอ่อนหวานแต่ก็ทะมัดทะแมงทุกลีลา เริ่มต้นก็เรียกเสียงฮาครึกครื้น.. เมื่อเธอยืนด้านหน้าแนะนำตัวเองว่า.. ข่อยซื่อ นางนิค..ประเทศลาวบ่มีคำนำหน้าว่า..นางสาว
มีแต่คำว่านาง จะแต่งงานแล้วหรือยังบ่แต่ง ต้องดูเอาเอง หนุ่มๆ ข้างท้ายรถปากไวเท่าสมองคิด (แถวหลังตรง กำหนัน
พี่ลูกเสือ และเสือน้อยนั่งอยู่) ตะโกนถามไปในทันใด แล้วจะให้ดูอย่างไรว่า..นางสาว หรือ นาง ต้องใซ้ความรู้สึกเอาเอง ข้อยก็ตอบบ่ได้ เธอตอบ เล่าแค่นี้
พอหอมปากหอมคอ..รถของเราจึงเต็มไปด้วยเสียงหัวร่อ ครึกครื้นเฮฮา ตลอดเส้นทาง (อย่างที่รถอีกคันน่าจะไม่มี) ขณะที่รถแล่นลึกเข้าไปในดินแดนลาว
จุดหมายที่เราจะไปเที่ยว คือ ถ้ำน้ำลอดกองลอ ระยะทางจากท่าแขกไปไกล ราว 140
กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเกือบๆ 3 ชั่วโมง..ระหว่างทางผ่านขุนเขาหินปูนรูปร่างสวยงาม
เทือกเขาใหญ่น้อยที่สลับซับซ้อน ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์มาก ฉันตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นป่าเขียวเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์
ทว่า..บางแห่งลาวเริ่มให้จีนเข้าไปทำสัมปทานโค่นต้นไม้ป่าดิบเดิมๆ เพื่อจะปลูกยางพารา..ป่าบางช่วงต้นไม้ถูกตัดโค่น
มีการ เผาปรน หรือเผาต้นไม้ที่โค่นล้มแล้ว..อย่างน่าเสียดาย ฉันนึกในใจว่า สักวันจะรู้สึก..เหมือนไทยขณะนี้ เราไม่มีป่าอีกแล้ว ระหว่างทาง.. นางนิค ไกด์คนงามของรถเรา
ชี้ให้ดูภูเขาลูกหนึ่ง ที่รูปทรงโดดเด่นแปลกตากว่าเขาลูกอื่นๆ แล้วเธอก็เล่าว่า.. ..มีนิทานนมนานกาเล...มียักษ์หนุ่มตนหนึ่งนามว่า.. บักสะเลเต ด้วยวัยหนุ่มกลัดกลุ้มยังไม่มียักษีภรรยา วันหนึ่งเกิดอารมณ์ทางเพศอยากหายักษีมานอนด้วย จึงไปหายักษีตนหนึ่งที่ตัวเองหลงรักอยู่ แต่ถูกปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อไย ยักษ์บักสะเลเตโศกเศร้านักจึงล้มลงขาดใจ ทั้งๆ ที่ยังมีอารมณ์อย่างว่าค้างอยู่ (เอ๊ะเขียนเอ็นทรีนี้จะถูกแบนไหมเนี่ย) จึงกลายเป็นภูเขาชี้โด่เสียดฟ้า ดังที่เห็นอยู่ทุกวันนี้..และตามตำนานยังบอกอีกว่า.."ของ"ของบักสะเลเต ทั้งยาวทั้งใหญ่ เมื่อยามที่ยักษ์บักสะเลเตเดินไปเดินมาในย่านนั้น อวัยวะส่วนนั้นได้ครูดไปเป็นทาง กลายเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำโขงด้วย ..เฮ้อ..แหละนี่เป็นที่มาของแม่น้ำโขง..ที่ไหลคด
ไหลโค้ง...สายน้ำที่ทั้งยาวทั้งใหญ่ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้..เกิดจาก ของ ยักษ์บักสะเลเตเนี่ยเอง..เอวัง
ด้วยประการฉะนี้ ขอให้ทุกท่านที่อ่านเอ็นทรีนี้ จงมีแต่ความสุขร่าเริง สมหวังจงทุกประการ... ภูเขาหินปูนสวยงามตลอดเส้นทาง ผ่านหมู่บ้านลาว ลักษณะบ้านในชนบท..มุงหญ้าคาหรือหลังคาจาก ฝากไม้ไผ่ มีเสา ขึ้นทางบันได น่ารักมากๆ บ้านที่ทันสมัยขึ้นมาก็พอมีให้เห็น ลาวมีไม้เยอะ..รั้วบ้าน..จึงปักด้วยเสาไม้ต้นเล็กตลอดทางที่เห็น มีการทำไร่ใบยาสูบ และจะเห็นโรงบ่มยาสูบเป็นทรงสี่เหลี่ยม โรงเก็บใบยาสูบ ฝาไม้ไผ่ฉาบด้วยดินเหนียว ถึงร้านอาหารเที่ยง..มีแห่งเดียว ก่อนลงเรือไปเที่ยวถ้ำกองลอ เสือน้อยทำหน้าที่..ดูแลย่าดาไม่ห่าง ฮิๆ พี่ลูกเสือดูแลย่าดาอีกคน..มีผ้าเช็ดน้ำหมากพาดคอเสมอ ชอบที่สุด คือ ลาวให้จอดรถไกลๆ แล้วให้เดินไปตามทางธรรมชาติร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่..หากเป็นเมืองไทยคงตัดต้นไม้ทำที่จอดรถหมดแล้ว บันไดทางลงก็คงเป็นธรรมชาติ ราวไม้ไผ่..สะพานไม้ไผ่น่าเดิน ยวบยาบๆ ดี..เป็นเมืองไทยคงทำปูนซีเมนต์ให้เสียอารมณ์ เย็นฉ่ำดีแท้..คนเยอะในช่วงสงกรานต์ แม้แต่ผีเสื้อกลุ่มนี้ก็มาเล่นน้ำ..คิดถึงผีเสื้อพเนจรนะคะ คนที่เดินรั้งท้าย คือ ย่าดา..เก็บภาพสวยๆ สวยทุกมุมจริงๆ ไร้เงาของไอ้เสือน้อยและพี่ลูกเสือ..ฮิๆ ภาพคุณยายผู้นี้แต่งกายสวยงามมากเดินสวนออกมา 2 คน..นึกในใจทำไมคุณยายมาเที่ยวถ้ำด้วยหรือไร..เพิ่งมารู้ภายหลังว่า..ถ้ำกองลอ..ภายในถ้ำยังเป็นเส้นทางสัญจรเข้า ออก ของผู้คนอีกหหมู่บ้าน..น่าสนใจ วันหน้าจะไปให้ถึง เข้ามาในถ้ำแล้ว ฉันคงถ่ายได้เพียงเท่านี้..กล้องฉันไม่สามารถจับภาพงามๆ ในถ้ำได้เท่าเืพื่อนๆ นะคะ การนั่งเรือ..บางตอนในถ้ำกองลอ..เราต้องลงจากเรือเมื่อถึงที่น้ำตื้น เรือเกยตื้น คนขับเรือต้องลากเรือ เราผู้โดยสารลงจากเรือแล้วเดินไป พอถึงช่วงน้ำลึกหน่อยเรือไปได้..ก็ขึ้นเรือเดินทางต่อ..เราจะขึ้น-ลง แบบนี้หลายช่วง 5-6 ครั้ง..สนุกที่สุด ฉันเดินลุยน้ำจนรองเท้าขาด จากในถ้ำ..เราก็ออกมาสู่โลกภายนอกอีกด้านหนึ่ง เห็นภูเขาสวยงาม ป่าเขียว ท้องฟ้า แสงแดด..สดชื่น ขุนเขาที่ทอดยาว..ยังรอให้ไปค้นหา เรือมาถึงตรงนี้..เห็นเืพื่อนๆ แล้ว..ไชโย บก. ชาลี นั่นเอง ลำของครูแดง ลำของครูติ๋ว ครูเก๋ และวันศุกร์ เห็นเรือลำของพี่ลูกเสือ..ย่าดา..เสือน้อย..ขึ้นไปเดินเล่นข้างบนโน่น.. เรือลำเรา..ไม่ลงเดิน..แต่หันหัวเรือกลับเข้าถ้ำทางเดิม..การผจญภัยหวาดเสียวตื่นเต้น..รอเราอยู่ในถ้ำ..เมื่อฉันและคนเรือไฟฉายถ่านหมด..และต้องเดินในความมืด..ขอแนะนำว่าไปคราหน้า..นำไฟฉายที่มีแบ็ตเตอรีเยอะๆ ..จะปลอดภัย |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |